วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไปเที่ยวเกาหลีด้วยกันครับ



ในวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวเกาหลีแดนกิมจิกันครับชึ่งได้ดองเรื่องนี้ไว้นานแล้วไม่ได้มีโอกาสเขียนชักที แต่ถึงอย่างไรแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาก็ยังเก็บไว้ในหัวอยู่ตลอดเวลาไม่เคยลืมเลือน ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเกาหลีเที่ยวนี้ไปในนามนักศึกษาป.โท ไปศึกษาดูงานที่เกาหลีมีสมาชิกร่วมเดินทาง300กว่าชีวิตแทบจะเหมาลำไปได้เลยแต่ท่านเชื่อไหมว่าไปทัวร์ทริปเดียวกันแต่นั่งเครื่องคนละลำ เครื่องออกคนละเวลาไปถึงที่นั้นแล้วค่อยจัดขึ้นรถทัวร์ ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณสามทุ่มกว่าทำการโหลดกระเป๋าติดบัตรแล้ว หลังจากนั้ผ่านพิธีที่ด่านตรวจศุลกากรขาออกให้เจ้าหน้าที่ปั้มหนังสือเดินทางขาออกแล้วต้องเดินผ่านเครื่องสแกนวัตถุระเบิดอาวุธโดยในขั้นตอนนี้เราเตรียมสิ่งของที่เป็นโลหะใส่ในตะกร้ากระเป๋าสตางค์นาฬิกากล้อง โน้ตบุ้คนำใส่ในถาดแล้วนำตัวเข้าเครื่องสแกนหากมีสิ่งแปลกปลอมก็จะมีสัญญานดังขึ้นมีอะไรที่จะถอดได้ก็ถอดออกก่อนครับจนไม่มีเสียงดังก็ผ่านเข้าไปได้ จัดแจงอุปกรณ์เข้าที่เดิมให้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนผ่านด่านฯจากนั้นก็เดินผ่านร้านขายของปลอดภาษี อย่าเดินเพลินนะครับเดี๋ยวจะหลงทางต้องรู้ว่าเครื่องเราจอดที่เกตใหนดูร้านแล้วก็พยายามเดินไปทางที่เครื่องจอดหรือจะมาจอดเผื่อจะไม่ต้องเดินไกลเดี๋ยวหลงแล้วเดินไกลไม่ทันขึ้นเครื่องจะตกเครื่องเอา แต่ก็มีเวลาถมเถกว่าเครื่องจะออกก็เที่ยงคืนกว่าเกือบตีหนึ่ง เดินไปนั่งรอพักที่เกตที่เครื่องจะจอดส่งผู้โดยสารขาเข้าแล้วก็รับผู้โดยสารขาออกด้วย นั่งรอนอนรอจนได้เวลาเครื่องมาถึงจนส่งผู้โดยสารเสร็จที่เครื่องก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมทุกอย่างแล้วก็ให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ ถึงเวลาจะได้พักบนเครื่องชะที ได้เวลาเครื่องออกแล้วครับตื่นเต้นครับไม่ใช่ไม่เคยนั่งเครื่องหรอกแต่หากได้ไปเที่ยวที่ต่างๆแล้วรู้สึกดีครับแอร์บนเครื่องแต่ละคนแล้วยังกับนางฟ้าเลยล่ะ ลองคิดดูวัยรุ่นเมืองไทยกำลังเห่อเกาหลี แล้วทำใมผลจะเห่อบ้างไม่ได้ยิ่งเจอแบบนี้แล้ว เฮ่อใจหวิวๆ แล้วเครื่องก็พุตแบ็กจากหลุมจอดแล้วแท็กชี่ออกไปบนทางวิ่งอย่างช้าๆ จนไปถึงหัวสนามบินเลี้ยวขึ้นรันเวย์เตรียมตัวเทคอ้อฟ เมื่อทุกอย่างพร้อม เสียงเครื่องยนต์เจ็ตแผดเสียงดังกระหึ่มแม้แต่ในห้องโดยสารก็ไม่อาจเลี่ยงเสียงนั้นได้ด้วยพลังขับเคลื่อนมหาศาลทำให้นกเหล็กลำมหึมาเริ่มออกตัวทยานพุ่งตัวออกไปข้างหน้าเพื่อเกาะอากาศโผบินเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ด้วยแรงผลักไปด้านหน้ามหาศาล ทำให้ผู้โดยสารในขณะนั้นต้องแผ่นหลังแนบชิดกับเบาะนั่งยังกับติดด้วยกาวตราช้างยังใงยังงั้น หลังจากล้อพ้นพื้นรันเวย์แล้วเครื่องลอยขึ้นทำมุมเกือบ45องศาด้วยความเร็วเกือบ250น้อต..
เอาไว้ผมจะมาต่อในตอนต่อไปครับสำหรับตอนนี้ขอหลับไปบนเครื่องก่อนนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น